ประโยชน์ของการ อ่านหนังสือ ก่อนนอนที่ได้มากกว่าความรู้

อ่านหนังสือ ก่อนนอนไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องความรู้เท่านั้น แต่การอ่านหนังสือก่อนนอนยังให้ประโยชน์มากมาย ก่อนนอนคืนนี้วางโทรศัพท์แล้วมาจับหนังสืออ่านกันเถอะ📚

ก่อนนอนหลายคนก็คงอยากผ่อนคลายเล่นโทรศัพท์หาอะไรดูเพลิน ๆ ใช่ไหมคะ แต่นั่นอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผ่อนคลาย เพราะแสงสีฟ้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินได้ไม่เต็มที่ส่งผลให้นอนหลับยากยิ่งขึ้น และการเสพเรื่องราวต่าง ๆ ใน Social ก่อนนอนอาจก่อความเครียดที่รบกวนการนอนได้

อ่านหนังสือก่อนนอนได้มากกว่าความรู้

การอ่านหนังสือก่อนนอนจึงเป็นวิธีที่หลาย ๆ คนแนะนำ และมากกว่าความรู้ที่จะได้รับแล้วการอ่านหนังสือก่อนนอนยังมีประโยชน์มากมายดังนี้

1. ผ่อนคลายความเครียด
มีงานวิจัยที่พบว่าการอ่านหนังสือก่อนนอนช่วยให้ระดับความเครียดลดลงได้มากถึง 68% และยังช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และหายใจช้าลง ทำให้รู้สึกสงบอีกด้วย ดังนั้นหากต้องการผ่อนคลายก่อนนอนการอ่านหนังสือจึงเป็นหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ

2. เสริมสร้างสมาธิ
การอ่านหนังสือเป็นการฝึกสมองให้มีสมาธิเพราะการอ่านหนังสือต้องใช้สมองในการช่วยจินตนาการภาพออกมาไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ทำให้เราได้ฝึกสมอง และส่งผลให้มีสมาธิมากที่ดีมากขึ้น

3. มีความคิดสร้างสรรค์
การอ่านหนังสือช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์และความกระตือรือร้นในงานที่ทำมากยิ่งขึ้น เหมือนกับการได้ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา ซึ่งการอ่านหนังสือที่หลากหลายประเภทจะทำให้มองเห็นมุมมองต่าง ๆ ที่มากขึ้นที่จะช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใหม่ ๆ และมีมุมมองความคิดที่ดีมากยิ่งขึ้น พ่อแม่จึงนิยมอ่านหนังสือให้ลูก ๆ ฟังก่อนนอนเพราะเด็ก ๆ จะได้รับความรู้และคำศัพท์จากหนังสือมากกว่าโทรทัศน์ถึง 50% และเป็นวิธีที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ทางอ้อมให้เด็ก ๆ โดยไม่น่าเบื่อ

4. เข้าใจผู้อื่นมากยิ่งขึ้น
การอ่านหนังสือทำให้มองเห็นแง่มุมต่าง ๆ ที่มากขึ้น รวมถึงการเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านนิยายที่ทำให้เรารู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมกับบทบาทของตัวละครในเรื่อง ได้รู้ความคิด ความรู้สึก และความต้องการของตัวละคร ซึ่งเมื่อต้องพบเจอเหตุการณ์ในชีวิตจริงจึงทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากยิ่งขึ้น

5. กระตุ้นการทำงานของสมอง
การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เช่นเดียวกับสมองหากมีการใช้งานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยชะลอและป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ดี ซึ่งการอ่านหนังสือเป็นการบริหารสมองทำให้สมองได้มีการใช้งานจึงช่วยให้สมองแข็งแรง

6. จำแม่น
การอ่านหนังสือก่อนนอนช่วยให้จำแม่นจริงเพราะระหว่างนอนหลับมนุษย์จะเรียบเรียงความทรงจำเเละฝังเอาไว้ในสมอง สมองจะนึกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตื่น ย้อนภาพเหล่านั้นเเละเน้นย้ำความทรงจำให้เหนียวเเน่นขึ้น ดังนั้น 5 นาทีก่อนการนอนหลับให้ทบทวนบทเรียนหรือสิ่งสำคัญไว้ รับรองว่าจำได้แม่นแน่นอน

7. นอนหลับสนิทยิ่งขึ้น
การอ่านหนังสือไม่เพียงช่วยให้เราหลับง่ายเท่านั้นแต่ยังช่วยให้เราหลับสนิทยิ่งขึ้น เหมือนกับว่าได้หลุดเข้าไปในโลกอีกใบและอินไปกับมันจนลืมความเครียดความวิตกกังวลไป ซึ่ง 39% ของคนที่มีนิสัยชอบอ่านหนังสือก่อนเข้านอนจะนอนหลับได้ดี แต่ ๆ ไม่ควรเลือกหนังสือที่กระตุ้นอารมณ์หรือเคร่งเครียดมากเกินไปเพราะจะทำให้ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับได้

นี่คือประโยชน์ของการอ่านหนังสือก่อนนอนที่เราเอามาฝากกันในวันนี้ ใครที่ไม่ใช่หนอนหนังสือหรือนักอ่านตัวยงให้ลองเริ่มจากหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เราสนใจก่อน ไม่แน่ว่าคุณอาจได้เจอกิจกรรมยามว่างที่มีประโยชน์มาก ๆ แบบการอ่านหนังสือก็ได้นะ และอย่าลืมอ่านในแสงสว่างที่เหมาะสมด้วยนะไม่งั้นจะพาลสายตาเสียไปด้วย

และอีกสิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์ไม่แพ้การ อ่านหนังสือ ทั้งช่วยเรื่องการนอนหลับ บำรุงสมอง เสริมสร้างความจำนั่นก็คือ Becoplus (บีโคพลัส) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสกัดจากธรรมชาติรวมกว่า 11 ชนิด ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ช่วยปรับสมดุลการนอนหลับให้หลับได้ง่ายขึ้น หลับได้สนิทยิ่งขึ้น บำรุงระบบประสาทและสมอง เสริมประสิทธิภาพความจำและสมาธิ และช่วยผ่อนคลายความเครียด ก่อนนอนคืนนี้มาอ่านหนังสือและเพิ่มคุณภาพการนอนง่าย ๆ ด้วย Becoplus เพียงวันละ 1 แคปซูล เพื่อการนอนหลับที่เต็มอิ่มตื่นเช้าได้อย่างสดชื่น

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Becoplus (บีโคพลัส) ตัวช่วยเรื่องนอนหลับ บำรุงสมอง เสริมความจำ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรจากธรรมชาติมากถึง 11 ชนิด

- “พรมมิ” Bacopa monnieri
  “Bacopa monnieri” หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในชื่อของ พรมมิ สมุนไพรที่มีประวัติการนำมาใช้อย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน มีงานวิจัยออกมารองรับถึงสรรพคุณต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งช่วยในเรื่องของสมาธิ เสริมความจำ ลดการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง บำรุงระบบประสาทไปจนถึงแก้ร้อนใน
- แอล-ธีอะนีน เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ และเป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในชาเขียวและชาดำช่วยกระตุ้นการผลิตของคลื่นอัลฟ่า (α- wave) ในสมอง ทำให้สมองมีการปล่อยคลื่นอัลฟ่า (α- wave) มากขึ้น และลดการปล่อยคลื่นเบต้า (β-wave) ลง ซึ่งทำให้สมองเกิดการผ่อนคลาย และลดความเครียด
- “Tart Cherry Powder”
  – ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
  – ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
  – ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
  – ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
  – ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสขึ้น
- “Ginkgo Leaf”
  – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
  – ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
  – ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
  – ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน
  – อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพผิว
- “Lemon Balm”
  – ช่วยให้ผ่อนคลาย
  – ช่วยในการนอนหลับ
  – เสริมสร้างระบบความจำ
  – ปรับสมดุลความดันโลหิต
  – ขจัดความเหนื่อยล้า
- “Goji Berry”
  Goji Berry หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เก๋ากี้ สมุนไพรแพทย์แผนจีนโบราณ ที่มีงานวิจัยออกมารองรับถึงสรรพคุณในด้านต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็น superfood เลยก็ว่าได้ โดยเก๋ากี้จะเด่นในเรื่องช่วงบำรุงสายตา ทำให้ดวงตาแจ่มใสขึ้น และประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
- “Vitamin D”
  – ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า
  – เพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ
  – ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน
  – ช่วยชะลอวัยของผิว
  – ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก
- “Vitamin B2”
  – ช่วยป้องกันการเกิดไมเกรน
  – ทำให้ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพดี
  – ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของดวงตา
  – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
  – ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
- “Vitamin B3”
  – ช่วยเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลัง และสร้างไขมันในร่างกาย
  – ช่วยการไหลเวียนของเลือด
  – ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
  – ลดความดันโลหิต
  – ลดระดับคลอเรสเตอรอล
- “Vitamin B5”
  – ช่วยเรื่องการนอนหลับ
  – ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย
  – ช่วยผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
  – บรรเทาอาการข้ออักเสบ
  – ลดระดับคอเลสเตอรอล
- “Vitamin B6”
  – ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
  – ช่วยชะลอวัย
  – ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
  – ป้องกันโรคทางระบบประสาทและโรคผิวหนัง
  – ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น