หากการนอนหลับของคุณไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายเท่าที่ควร แต่กลับส่งผลเสียและทำให้เกิดโรคร้ายตามมาแทน คุณจะทำอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าโรคร้ายโรคนั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจและถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน เนื่องจากมีเหล่าคนดังจากทุกแวดวงพบเจอกับโรคนี้และได้ออกมาเตือนให้มีการเฝ้าระวังหรือสังเกตอาการเบื้องต้นกันมากขึ้น มีการทำ Sleep Test เพื่อทดสอบและวัดระดับความรุนแรงเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธีด้วย และเพื่อไม่ให้ทุกคนเป็นกังวลมากเกินไป วันนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อจะได้หาวิธีป้องกันหรือรักษาได้ทันท่วงทีค่ะ
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันก่อนดีกว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือ Obstructive Sleep Apnea (OSA) เป็นความผิดปกติเกี่ยวกับการหายใจที่อากาศไม่สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างเต็มที่ เกิดขึ้นในขณะที่เรานอนหลับอยู่ ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง ในขณะที่ก๊าซออกซิเจนในเลือดจะลดลง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น สมองจะรับรู้ได้ทันทีและตอบสนองโดยการทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ผู้ป่วยจะไม่รู้ตัวว่าตื่น เพื่อให้กลับมาหายใจได้ปกติ โดยใน 1 คืนการหยุดหายใจขณะหลับสามารถเกิดขึ้นได้หลายครั้ง ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ การทำงานของสมองที่แย่ลง ตื่นมาแบบไม่สดชื่น และทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาในอนาคตได้
ส่วนสาเหตุของการหยุดหายใจขณะหลับก็เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะ เช่น ช่องคอ ผนังคอหอย ที่เกิดการแคบลง และทำให้ร่างกายพยายามหายใจแรงขึ้น แต่กลับทำให้อวัยวะตรงทางเดินหายใจยิ่งแคบลงไปอีก จึงไม่สามารถหายใจได้นั่นเอง และเมื่อเราพยายามหายใจก็จะเกิดแรงสั่นสะเทือนกลายเป็นเสียงกรน ซึ่งเสียงกรนนี่แหละค่ะที่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีโอกาสเป็นได้มากขึ้น และปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดภาวะนี้เช่น โรคอ้วน โรคภูมิแพ้ โรคเบาหวาน การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ หรือในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเป็นต้น ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจเกิดอาการอ่อนเพลียระหว่างวัน เนื่องจากการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ซึ่งหากเป็นในระยะที่รุนแรงมาก ๆ อาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตหรือที่เรียกว่าไหลตายได้
เช็กอาการเบื้องต้น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ทำความรู้จักกับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ กันไปแล้ว มาถึงตรงนี้ทุกคนคงอยากจะรู้แล้วว่า อาการแบบไหนที่เป็นสัญญาณเตือนหรือบ่งบอกว่าเข้าข่ายจะเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้บ้าง มาลองสังเกตอาการเบื้องต้นที่เรานำมาฝากกันค่ะ
อาการขณะนอนหลับ
- หายใจแรงและนอนกรนเสียงดังเป็นประจำ หรือมากกว่า 3 คืน/สัปดาห์
- มีอาการเหมือนสำลักขณะนอนหลับ
- ขยับขาไปมาขณะหลับ
- ละเมอเดินหรือพูด
- ฝันร้าย และออกท่าทางขณะฝัน
- มีอาการชัก
- นอนกัดฟัน
อาการเมื่อตื่นนอนแล้ว
- ปวดหัว เจ็บคอและปากแห้งทุกครั้งหลังตื่นนอน
- รู้สึกเพลียและง่วงนอนในตอนกลางวันมากกว่าปกติ
- ไม่มีสมาธิ ขี้ลืม ควบคุมตัวเองไม่ได้
- อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดง่าย
วิธีป้องกันและการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่คุณสามารถทำเองได้
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- เปลี่ยนท่านอน เช่น นอนตะแคงจะช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น
- เลือกหมอนให้เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
- ทำ Sleep Test ประเมินภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงที่เกิดขึ้น ตามลำดับดังนี้
1.ภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับเริ่มต้น (Mild OSA)
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันรวมถึงการนอน เช่น
- การควบคุมน้ำหนัก
- การออกกำลังกาย
- เข้านอนให้เป็นเวลา เพื่อปรับสมดุลการนอนให้เป็นปกติมากที่สุด
- เปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคง
2.ภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับปานกลาง (Moderate OSA)
ในระดับที่มีอาการมากขึ้นมาหน่อย มักจะทำการรักษาด้วยครื่องช่วยสร้างแรงดันบวกในทางเดินหายใจ
(Positive airway pressure therapy, PAP) หรือหน้ากาก CPAP เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยขยายทางเดินหายใจให้โล่งขึ้นในขณะนอนหลับ ทำให้อากาศเข้าไปได้เยอะขึ้น ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในปัจจุบัน
3.ภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับรุนแรง (Severe OSA)
หากอาการของผู้ป่วยถึงขั้นรุนแรงมาก และลองมาหลายวิธีแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น การผ่าตัดจะเป็นวิธีที่แพทย์จะแนะนำให้กับผู้ป่วย ซึ่งการผ่าตัดก็จะมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ขึ้นของผู้ป่วยแต่ละคน เช่น การผ่าตัดเพดานอ่อน ผ่าตัดกระดูกกราม การผ่าบริเวณคอหอย การผ่าตัดจมูก หรือการเจาะคอเพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น
เพิ่มคุณภาพการนอนหลับด้วยสมุนไพร
สาเหตุหนึ่งของภาวะหยุดหายใจขณะหลับก็คือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือการนอนที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งมาจากความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันจึงเห็นกิจกรรมที่ช่วยคลายความเครียดเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการทานอาหารเสริมที่ช่วยคลายความกังวลและช่วยปรับสมดุลการนอนหลับ ซึ่งการทานอาหารเสริมก็เป็นวิธีที่ง่าย สะดวก เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง วันนี้เราขอแนะนำตัวช่วยที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก นั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบีโคพลัส (Becoplus) ที่ช่วยคลายกังวล และความเครียด ทำให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น หลับลึกและหลับสนิทมากกว่าที่เคย
มาในรูปแบบแคปซูลจากพืช พร้อมสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติถึง 11 ชนิด เช่น พรมมิ แปะก๊วย เก๋ากี้ ใบสะระแหน่ เป็นต้น นอกจากจะช่วยเรื่องปรับสมดุลการนอนแล้ว ยังช่วยบำรุงสมอง เสริมความจำ ป้องกันการเกิดอัลไซเมอร์ในผู้สูงวัย ทานได้ทุกเพศตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป
สรรพคุณของสารสกัด 11 ชนิด
- พรมมิ (Bacopa monnieri)
- บำรุงสมอง ฟื้นฟูความจำ
- เพิ่มสมาธิ
- ป้องกันอัลไซเมอร์
- ลดอาการซึมเศร้า คลายกังวล ส่งผลให้นอนหลับง่ายขึ้น
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- L-Theanine
- ทำให้ระบบประสาทและสมองผ่อนคลาย
- ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นและหลับลึกขึ้น
- ลดสภาวะความเครียด
- ส่งเสริมการเรียนรู้และความทรงจำ
- ช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น
- Tart Cherry Powder
- ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
- ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
- ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสขึ้น
- บำรุงสมอง
- Ginkgo Leaf
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
- ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน
- อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพผิว
- Lemon Balm
- ช่วยให้ผ่อนคลาย
- ช่วยในการนอนหลับ
- เสริมสร้างระบบความจำ
- ปรับสมดุลความดันโลหิต
- ขจัดความเหนื่อยล้า
- Goji Berry
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยบำรุงสายตา
- ช่วยให้มีความจำดี
- ช่วยลดน้ำหนัก โดยเสริมการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานแทนไขมัน
- Vitamin D
- ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า
- เพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ
- ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน
- ช่วยชะลอวัยของผิว
- ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก
- Vitamin B2
- ช่วยป้องกันการเกิดไมเกรน
- ทำให้ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพดี
- ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของดวงตา
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
- Vitamin B3
- ช่วยเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลัง และสร้างไขมันในร่างกาย
- ช่วยการไหลเวียนของเลือด
- ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
- ลดความดันโลหิต
- ลดระดับคลอเรสเตอรอล
- Vitamin B5
- ช่วยเรื่องการนอนหลับ
- ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย
- ช่วยผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
- บรรเทาอาการข้ออักเสบ
- ลดระดับคอเลสเตอรอล
- Vitamin B6
- ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
- ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
- ป้องกันโรคทางระบบประสาทและโรคผิวหนัง
- ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารผ่อนคลาย