วัยเรียนทั้งเรียนหนักอ่านหนังสือเยอะ ไหนจะสอบอีกต้องใช้ทั้ง”สมอง”และ”สมาธิ”อยู่ตลอดเวลาทำเอาสมองล้าไปเหมือนกัน แต่ ๆ ไม่ต้องกังวลไปวันนี้ Becoplus มีวิธีอัปสมองให้พร้อมเรียนรู้อยู่เสมอฉบับวัยเรียนมาฝากกัน
“สมอง”ศูนย์กลางของร่างกาย
สมองของเรานั้นเปรียบเสมือนกันศูนย์กลางของร่างกาย มีการจัดระบบการทำงานที่ซับซ้อน และมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนตัวเองได้ดี สมองช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบประสาท ระบบการหายใจ ระบบการเคลื่อนไหว และยังเกี่ยวข้องกับความจำ ความคิด รวมถึงการตัดสินใจ
ซึ่งสมองจะพัฒนาศักยภาพในการคิด ความจำ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการเรียนรู้ โดยเมื่อเราอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ เซลล์สมองจะสร้างการเชื่อมโยงที่ซับซ้อนจนเกิดเป็นร่างแหเครือข่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดั้งนั้นวัยเรียนจึงต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับสมอง
วิธีฝึก สมอง ให้พร้อมเรียนรู้อยู่เสมอ
เสริมสร้างประสิทธิภาพสมองของน้อง ๆ วัยเรียนให้พร้อมเรียนรู้และจดจำได้เต็มที่ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
- หมั่นใช้สมองอยู่เสมอ
“สมองดีสร้างได้” คำนี้ไม่ได้พูดเกินจริงแต่สามารถทำได้ด้วยการฝึกสมอง เช่น การทำกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของสมองอย่าง การวางแผน ความจำ การแก้ปัญหา หรือการตัดสินใจ ซึ่งใครที่มีปัญหาในเรื่องความจำ การเล่นเกมที่ช่วยฝึกสมองก็จะช่วยให้ความจำนั้นดีขึ้นได้ - อ่านออกเสียง
น้อง ๆ วัยเรียนอ่านหนังสือกันอยู่แล้ว แต่ลองเปลี่ยนมาเป็นการอ่านออกเสียงดูบ้าง เพราะเมื่ออ่านหนังสือออกเสียงดัง ๆ ร่างกายจะเลือกใช้สมองส่วนที่แตกต่างจากการอ่านหนังสือในใจมาใช้งาน เท่ากับว่าเราได้บริหารสมองส่วนนี้ไปด้วย - เกมลับสมอง
เด็ก ๆ ชื่นชอบการเล่นเกมกันอยู่แล้ว แต่รู้ไหมว่าการเล่นเกมเป็นวิธีกระตุ้นสมองให้ทำงาน เช่น เกมต่อจิ๊กซอว์, หมากรุก, เกมซูโดกุ และครอสเวิร์ด ซึ่งการเล่นเกมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความจำและการวางแผน ฝึกไหวพริบ ทำให้สมองตื่นตัวตลอดเวลา และเมื่ออายุมากขึ้นสมองจะเสื่อมช้าลงอีกด้วย - ใช้มือข้างที่ไม่ถนัด
การสลับมาใช้มือข้างที่ไม่ถนัดดูบ้าง เป็นการกระตุ้นการใช้สมองอีกซีกให้ทำงาน เพื่อควบคุมการทำงานของร่างกาย เช่น หากถนัดขวา ให้ลองใช้งานมือซ้ายในการทำสิ่งง่าย ๆ เช่น การแปรงฟัน, การเดินทางไปในเส้นทางใหม่ ๆ, เปิดประตู หรือการทายอาหารจาการทดลองหลับตาชิม ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า “Neurobics” หรือการฝึกระบบประสาททั้งห้าที่ถูกคิดค้นโดยนักวิจัยจาก Duke University - ผ่อนคลายความเครียดและทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น
ความเครียดจะส่งผลต่อสมองโดยตรง เพราะความเครียดจะไปทำร้ายสมองเทา (Gray matter) ซึ่งเป็นบริเวณที่ควบคุมความจำและความนึกคิด นอกจากการผ่อนคลายความเครียดแล้วการเข้าสังคม ทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็ช่วยให้สมองมีการฝึกทักษะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสาร ทักษะการสังเกต ทักษะการคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจ - ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เพราะในขณะที่ออกกำลังกายเลือดจะไหลเวียนไปยังสมองและเชื่อมต่อเซลล์สมองได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเสริมการทำงานระหว่างเซลล์ โดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น เช่น แอโรบิก การวิ่ง หรือการว่ายน้ำ ซึ่งมีการศึกษาพบว่าผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีสมองเทา (Gray matter) ซึ่งเป็นบริเวณที่ควบคุมความจำและความนึกคิดเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย - ทานดีสมองก็ดี
วัยเรียนนอกจากพัฒนาการด้านร่างกายแล้ว การพัฒนาการด้านสมองก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง ได้แก่
-โอเมก้า 3 พบได้ในน้ำมันปลา ซึ่งมี DHA และ EPA ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต รวมถึงช่วยบำรุงสายตา เสริมการทำงานระบบประสาทส่วนกลางอีกด้วย
อาหารที่มีโอเมก้า 3 : ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอล ปลาทูน่า– โคลีน ช่วยสร้างสารสื่อประสาทในสมองที่ช่วยในการสื่อสารกันระหว่างเซลล์ต่าง ๆ ช่วยในเรื่องของความจำและการเรียนรู้ และยังเป็นสารอาหารที่สำคัญในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เพราะช่วยในเรื่องพัฒนาการทางสมองของทารก โคลีนจึงเป็นสารอาหารที่สำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองอาหารที่มีโคลีน : ไข่แดง ธัญพืช ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ข้าวกล้อง ผักใบเขียว และเครื่องในสัตว์
– โปรตีน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาทระหว่างเซลล์ต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง
อาหารที่มีโปรตีน : เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ ถั่ว และเนื้อปลา– คาร์โบไฮเดรต เมื่อถูกย่อยจะกลายเป็นน้ำตาลกลูโคสในร่างกาย ซึ่งจะเป็นแหล่งพลังงานให้สมอง แต่ทั้งนี้ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากสมองได้รับคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปจะทำให้สมองทำงานช้าลง
อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต : ข้าวกล้อง แป้ง น้ำตาล– วิตามินบี ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบสมอง ช่วยให้เกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ช่วยลดความเครียด และวิตกกังวล
อาหารที่มีวิตามินบี : ธัญพืช ไข่ นม ยีสต์ และผักใบเขียว– ธาตุเหล็ก ช่วยในการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง หากขาดออกซิเจนจะทำให้ความสามารถในการจำลดลง เฉื่อยชา ไม่มีสมาธิใน
อาหารที่มีธาตุเหล็ก : เนื้อสัตว์ เนื้อแดง อาหารทะเลอย่างไรก็ดีควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารไปเสริมสร้างพัฒนาการของสมองให้ดียิ่งขึ้น
- สมองก็ต้องการน้ำ
เพราะสมองประกอบด้วยน้ำถึง 85% จึงต้องการน้ำในการหล่อเลี้ยงเซลล์สมอง หากดื่มน้ำน้อยจะส่งผลให้สมองทำงานล่าช้า คิดช้า หรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพ - เล่นดนตรี
การเล่นดนตรีไม่เพียงแต่เป็นงานอดิเรกเท่านั้น แต่มีการค้นพบว่าการเล่นดนตรีตั้งแต่เด็กจะช่วยให้มีความคิดที่ปลอดโปร่งเมื่อมีอายุมากขึ้น และยังช่วยในเรื่องของความจำและความสามารถในการวางแผน คิดวิเคราะห์ เพราะการทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้งสองข้างนั้นก็เหมือนเป็นการฝึกสมองไปในตัว - พักผ่อนให้เพียงพอ
วัยเรียนเป็นวัยที่ต้องให้ความสำคัญกับการนอนหลับพักผ่อนเป็นอย่างมาก เพราะการนอนหลับจะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้พักจากการทำงาน ฟื้นฟูเซลล์สมอง และส่งผลต่อความจำระยะสั้น และระยะยาวในอนาคต หากเรานอนหลับไม่เพียงพอกระบวนการเหล่านี้จะถูกรบกวนจนบางครั้งทำให้เกิดอาการขี้หลง ขี้ลืม ซึ่งวัยเรียนควรนอนหลับให้ได้วันละ 8-10 ชั่วโมง และไม่ควรเข้านอนเกิน 23.00 น. - เติมออกซิเจนให้สมอง
สมองใช้ออกซิเจน 20-25% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นการหายใจเข้าลึก ๆ หรือการยืนเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ขึ้น ก็จะช่วยให้สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20%
อัปสมองด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ให้วัยเรียนพร้อมทุกการเรียนรู้
เสริมสร้างการเรียนรู้ สมาธิ และการจดจำให้ดียิ่งขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รวมสุดยอดสารสกัดจากธรรมชาติไว้กว่า 11 ชนิด ที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง เสริมความจำ สร้างสมาธิ เหมาะกับน้อง ๆ วัยเรียนที่ใช้สมองหนัก อ่านหนังสือเยอะ และช่วยปรับสมดุลการนอนให้การนอนหลับดียิ่งขึ้น เมื่อการนอนดีสมองก็จะได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ขณะหลับ น้อง ๆ จึงพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ทุกวัน
บำรุงสมอง เสริมประสิทธิภาพความจำด้วยสารสกัดจากธรรมชาติใน Becoplus
พรมมิ : บำรุงสมอง เสริมความจำ เสริมสร้างสมาธิ
แอลธิอะนิน : เสริมสร้างการเรียนรู้และความทรงจำ เสริมสร้างสมาธิ
เลมอนบาล์ม : เสริมสร้างระบบความจำ
ใบแปะก๊วย : ป้องกันภาวะสมองเสื่อม เสริมสร้างประสิทธิภาพการเรียนรู้และการจดจำ
ผงเชอร์รี่ทาร์ต : บำรุงสมอง
วิตามินบี 6 : เสริมการทำงานของสมองและระบบประสาท
วิตามินดี : เสริมการทำงานระบบประสาท
ครบเครื่องเรื่องบำรุงสมองต้อง Becoplus
หมายเหตุ
วัยเรียนหรือผู้ที่มีอายุตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปสามารถทานได้