กินของหวาน ๆ นี่เหมือนได้เติมพลังกันใช่ไหมคะแต่รู้ไหมว่าของหวานนั้นมีโทษ การ กินหวาน ไม่ได้แค่ทำให้อ้วนหรือก่อโรคเท่านั้นยังทำให้แก่เร็วอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วต้องพักจากของหวาน ๆ กันแล้ว

องค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา แต่กระทรวงสาธารณสุขพบว่าคนไทยกินน้ำตาลมากถึงวันละ 28.4 ช้อนชา ซึ่งสูงกว่าค่าแนะนำถึง 4.7 เท่า เรียกได้ว่าหวานตัดขาไปกันไปเลย แล้วกินหวานขนาดนี้จะส่งผลต่อผิวยังไงนะ?

กินหวาน แล้วแก่เป็นไปได้ยังไง?

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความแก่แบ่งได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเกิดจากปัจจัยภายในนั่นก็คืออายุและรหัสพันธุกรรม ส่วนที่สองคือปัจจัยภายนอก เช่น การใช้ชีวิต แสงแดด มลภาวะต่าง ๆ แต่ก็มีงานวิจัยที่พบว่าน้ำตาลมีส่วนที่ทำให้ผิวพรรณและร่างกายแก่ชราลง นั่นก็เพราะว่าสาร AGEs ที่มาจากการที่น้ำตาลถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็วทำให้ระดับน้ำตาลบริเวณผิวหนังสูงขึ้นจนสามารถไปจับตัวกับโปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนส่งผลให้โปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนเสื่อมสภาพ ทำให้โครงสร้างของคอลลาเจนทั่วร่างกายเกิดการผิดรูปและเสียการทำงานเกิดเป็นริ้วรอย จุดด่างดำผิวแห้งกร้าน และดูแก่ก่อนวัย ไม่เพียงเท่านั้นยังทำให้เลนส์กระจกตา ไต และหลอดเลือดแก่ รวมถึงเสี่ยงกับการเกิดเบาหวานอีกด้วย

ซึ่งความจริงแล้วร่างกายมีการสะสม AGEs บริเวณผิวหนังตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว แต่หากกินหวานเป็นประจำจะเร่งให้กระบวนการดังกล่าวจะเกิดได้เร็วขึ้น แม้ว่าร่างกายของเราจะมีกลไกที่คอยทำลายโปรตีนที่เสื่อมสภาพและกลไกที่ช่วยชะลอความเสื่อมของโปรตีนและคอลลาเจน แต่ AGEs กลับไปยับยั้งการทำงานของกลไกเหล่านั้น เท่านั้นยังไม่พอ AGEs กลับยังไปกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระและสารก่อการอักเสบที่เป็นตัวทำลายเซลล์ผิวหนัง และยับยั้งกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่อีกด้วย ดังนั้นการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะสามารถลดการเกิด AGEs ในโปรตีนคอลลาเจนได้

กินหวาน ก่อปัญหาผิว

การกินหวานนอกจากจะทำให้ผิวแก่แล้วยังส่งผลให้เกิดปัญหาผิวอีกมากมาย
1. หน้ามัน
การกินหวานทำให้หน้ามันง่ายก็เพราะว่าเมื่อค่าอินซูลินในเลือดสูงต่อมผลิตไขมันบนใบหน้าจะยิ่งขับไขมันออกมาเยอะขึ้นส่งผลให้หน้ามันเป็นวาว และยังก่อให้เกิดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวอีกด้วย
2. เป็นสิว
ต่อจากปัญหาหน้ามันก็คือทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบและผื่นแพ้ต่าง ๆ เพราะปริมาณน้ำตาลในร่างกายที่ขึ้นสูงขึ้น ใครที่เป็นสิวอักเสบบ่อย ๆ ให้ลองเลี่ยงของหวานดูนะ
3. ผิวแห้ง
เนื่องจากน้ำตาลเข้าไปทำปฏิกิริยาภายในร่างกาย ทำให้ดูดน้ำมากกว่าปกติ จึงเป็นต้นเหตุให้ผิวแห้งเสีย ขาดน้ำ และก่อให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา

กินหวาน ยังไงให้ไกลโรค

1. อ่านฉลากก่อนทาน
เช็กสักนิดว่าอาหารหรือเครื่องดื่มที่เราทานนั้นมีปริมาณน้ำตาลเท่าไหร่โดยการอ่านฉลากโภชนาการและเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้ำตาลให้น้อยที่สุด เพราะกระบวนการผลิตนั้นมีการปรุงน้ำตาลมาอยู่แล้วโดยเฉพาะของหวานและเครื่องดื่มสำเร็จรูปต่าง ๆ
2. งดปรุง
หากต้องทานอาหารนอกบ้านต้องไม่ปรุงน้ำตาลเพิ่ม
3. ดื่มเครื่องดื่มแบบหวานน้อยหรือไม่หวาน
ชา-กาแฟอาจมีปริมาณน้ำตาลแฝงอยู่ในน้ำเชื่อมหรือนมข้นหวาน หากสั่งเครื่องดื่มให้ลดปริมาณความหวานเป็นหวานน้อยหรือไม่หวาน หรือใช้สารทดแทนความหวานเติมลงในเครื่องดื่ม เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำตาล และพลังงานที่ได้รับ
4. เลี่ยงผลไม้รสหวาน
เช่น ทุเรียน ลำไย มะม่วงสุก ผลไม้เหล่านี้มีรสหวานและมีปริมาณแป้งมากซึ่งจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้
5.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ช่วง 15-20 นาทีแรกของการออกกำลังกายร่ายกายจะดึงเอาพลังงานจากน้ำตาลมาใช้จากนั้นจะเป็นการใช้พลังงานจากไขมัน และแนะนำว่าควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป
6.กินหวานแบบพอดี
การที่เรากินหวานบ่อย ๆ ทำให้เราติดหวานและอยากกินหวานต่อไปเรื่อย ๆ จนขาดไม่ได้ ดังนั้นวิธีที่จะเลิกกินหวานที่ดีอีกวิธีหนึ่งคือค่อย ๆ ลดปริมาณน้ำตาลลงให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมคือ 6 ช้อนชาหรือ 24 กรัม วิธีนี้จะช่วยลดการเสื่อมของผิวหนังได้ถึง 25% แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย

NADE’ Marine Collagen คอลลาเจนหน้าเด็ก

นอกจากการลดกินหวานที่ช่วยชะลอความแก่ของผิวพรรณและร่างกายแล้ว NADE’ Marine Collagen คอลลาเจนรูปแบบผงชงดื่มก็เป็นหนึ่งตัวช่วยที่สามารถดื่มทดแทนเครื่องดื่มรสหวานแถมยังได้ประโยชน์ในเรื่องผิวพรรณและชะลอวัยอีกด้วย ใน 1 ซองมีปริมาณคอลลาเจนรวม 10,000 มิลลิกรัม ผสานนวัตกรรมชะลอวัยระดับเซลล์ ชงง่าย ละลายเร็ว ไม่คาว รสมิกซ์เบอร์รี่หอมหวานแบบไม่มีน้ำตาล ใครที่ติดดื่มเครื่องดื่มหวาน ๆ ลองเปลี่ยนมาเป็น NADE’ Marine Collagen กัน เลือกทานทั้งทีก็ต้องเลือกดีและมีประโยชน์😉

NADE’ Marine Collagen+Dipeptide 

ให้มากกว่าผิวสวยด้วยนวัตกรรมชะลอวัยลึกถึงระดับเซลล์จากสกัดกว่า 22 ชนิด

• • คอลลาเจนไดเปปไทด์ : ดูดซึมได้ดีที่สุด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื้น เรียบเนียน ลดการเกิดริ้วรอย
  • มารีนคอลลาเจน : ลดเลือนริ้วรอย เสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว ฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้งกร้าน ช่วยให้ผิวกระชับเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย ปรับผิวให้กระจ่างใส กักเก็บน้ำและให้ความนุ่มชุ่มชื้นแก่ชั้นผิว
  • คอลลาเจนไตรเปปไทด์ : ช่วยซ่อมแซมและเติมเต็มคอลลาเจนในผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
  • L-Glutathione : ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างคอลลาเจน ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ปรับสีผิวให้กระจ่างใส
  • Coenzyme Q10 : เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวอิ่มฟู เสริมสร้างเซลล์ผิวพรรณใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิวพรรณเดิม
  • Astragalus Extract : ชะลอการหดสั้นของ Telomere ที่เป็นสาเหตุของความแก่ชรา
  • Sea Buckthorn Powder : ดูแลและซ่อมแซมเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส เนียนนุ่มไม่แห้งกร้าน ลดการแก่ก่อนวัยของเซลล์ผิว
  • Ascorbic Acid : เพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้ชั้นผิว ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เพิ่มการการดูดซึมคอลลาเจนให้ดียิ่งขึ้น
  • Glycine : ช่วยกักเก็บน้ำในเซลล์ผิวและรักษาความยืดหยุ่นให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • Pine Bark Extract : ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มคอลลาเจน และอิลาสตินในผิว ลดเลือนริ้วรอยลึกให้ตื้นและเรียบเนียนขึ้น
  • Grape Extract : ยังยั้งการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยลดริ้วรอยและลดปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • Turmeric Extract : ช่วยลดและต้านการเกิดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • Rice Extract : ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงผิว
  • Riboflavin : ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดี
  • Copper Gluconate : ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้เซลล์ผิวได้รับการฟื้นฟู