fbpx Skip to content

หยุด snooze! เลื่อนนาฬิกาปลุกตอนเช้าเสี่ยงทำสุขภาพแย่

เลื่อนนาฬิกาปลุก

นาฬิกาปลุก 7 โมงแต่เลื่อนปลุกจนถึง 8 โมง รู้หรือไม่ว่านี่คือพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะแค่เลื่อนนาฬิกาปลุกก็ทำสุขภาพเสียได้ จะเป็นอย่างไรนั้นติดตามได้ในบทความนี้

กลางคืนไม่อยากนอนตอนเช้าไม่อยากตื่น กว่าจะขุดตัวเองขึ้นมาจากเตียงได้ก็เลื่อนนาฬิกาปลุกไปไม่รู้กี่รอบ แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราเลื่อนนาฬิกาปลุกแบบนี้อาจทำให้วันที่สดใสนั้นกลับกลายเป็นวันที่ง่วงซึม และหากเรามีพฤติกรรมที่ตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อมากด snooze บ่อย ๆ แบบนี้เสี่ยงทำสุขภาพเสียได้

เลื่อนนาฬิกาปลุก

แค่เลื่อน นาฬิกาปลุก ทำสุขภาพเสียได้อย่างไร

แค่มีพฤติกรรมเลื่อนนาฬิกาปลุกทุกวันก็มีผลต่อสุขภาพแล้ว โดยนายแพทย์โรเบิร์ต เอส. โรเซนเบิร์ก ผู้อำนวยการสถาบัน Sleep Disorders Centers ได้กล่าวว่าการเลื่อนนาฬิกาปลุก 5 นาที หรือ 10 นาทีให้เราได้นอนต่อนั้นจะเป็นการนอนที่ไม่มีคุณภาพ และการเลื่อนนาฬิกาปลุกทำให้เราเริ่มต้นรอบการนอนหลับ (Cycles of sleep) รอบใหม่ แต่ยังไม่ทันได้ครบรอบก็ต้องตื่นขึ้นมากลางคัน และการหลับ ๆ ตื่น ๆ นี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกไม่สดชื่นไปทั้งวัน

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากรศ.ดร.พญ.ธัญญรัตน์ อโนทัยสินทวี ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดีที่ให้ข้อมูลว่าการเลื่อนนาฬิกาปลุกบ่อย ๆ ส่งผลเสียต่อสุขภาพดังนี้

หัวใจเต้นเร็วแบบเฉียบพลัน ช่วงของการตื่นจากนาฬิกาปลุกส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วและแรงกว่าปกติ ระบบประสาทจะควบคุมให้ร่างกายกดเลื่อนนาฬิกาปลุกและนอนต่อให้เร็วที่สุด หากเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในทุก ๆ เช้า หัวใจของเราจะยิ่งทำงานหนักเพิ่มขึ้น

ความดันเลือดสูง ขณะที่หลับแล้วถูกกระชากเพื่อให้ตื่นมากดเลื่อนนาฬิกาปลุกบ่อย ๆ ในทุกเช้า นอกจากหัวใจจะเต้นเร็วแบบเฉียบพลันแล้ว ยังส่งผลให้ความดันเลือดสูงขึ้นตามด้วย

อ่อนเพลีย ง่วงซึม แม้ว่าการได้หลับต่อจากการเลื่อนนาฬิกาปลุก แต่ความจริงแล้วประสาทสัมผัสของเรายังตอบสนองเตรียมพร้อมในการตื่นจากเสียงนาฬิกาปลุกตลอดเวลา

เกิดอาการผีอำ เมื่อเลื่อนนาฬิกาปลุกแล้วหลับต่อ ขณะที่ร่างกายเข้าใกล้ช่วงอาการหลับลึกแต่ถูกกระชากปลุกอีกครั้ง ส่งผลให้เกิดอาการผีอำได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของเส้นประสาท

เลื่อนนาฬิกาปลุก

เสียงของ นาฬิกาปลุก ก็มีผลต่อการตื่นนอน

การตั้งนาฬิกาปลุกด้วยเสียงดังหรือเสียงที่ทำให้ตกใจตื่นอย่างกะทันหันเป็นวิธีการตื่นที่ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้เกิดอาการมึนงง งัวเงียหลังตื่นนอน และอาจส่งผลให้ง่วงเหงาหาวนอนไปทั้งวัน ซึ่งอาการงัวเงีย รู้สึกว่าตื่นไม่เต็มตา นอนไม่เต็มอิ่ม ที่เกิดขึ้นหลังตื่นนอนเรียกว่า Sleep Inertia หรือ SI โดยปกติแล้วอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นประมาณ 4 ชั่วโมงหลังจากตื่นนอน แต่หากรู้สึกนานกว่านั้นหรือรู้สึกง่วงทั้งวันอาจะส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาวได้ ต่างจากเสียงนาฬิกาปลุกที่ปลุกแบบนุ่มนวล ค่อย ๆ ปลุกให้เราตื่นที่ทำให้เกิดอาการงัวเงียที่น้อยกว่า

นอกจากนี้การตั้งนาฬิกาปลุกด้วยเสียงที่ทำให้ตกใจตื่นยังเป็นการรบกวนการทำงานของสมองที่กำลังพักผ่อนให้ตื่นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้สมองสับสนมึนงงตั้งแต่ตื่นนอน ส่งผลให้ไม่สดชื่น อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด อ่อนเพลีย ไม่มีแรงทำงาน คุณภาพในการนอนแย่ลง และไม่ดีต่อสมองในระยะยาว ดังนั้นเลือกเสียงนาฬิกาปลุกที่ปลุกแบบนุ่มนวลเพื่อให้ตื่นอย่างมีคุณภาพ และสมองได้มีเวลาปรับตัว

เลื่อนนาฬิกาปลุก

ตั้งนาฬิกาปลุกอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

ไหน ๆ ก็เลี่ยงไม่ได้แล้วจะตั้งนาฬิกาปลุกทั้งทีก็ต้องเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่สุด

  • วางนาฬิกาปลุกให้ห่างจากตัว 2 ฟุต เพื่อลดการกดเลื่อนนาฬิกาปลุกแล้วนอนต่อ
  • ปรับเสียงนาฬิกาปลุกให้ดังไม่เกิด 80 เดซิเบล เพราะเสียงที่ดังจนเกินไปอาจก่อให้เกิดความเครียดได้
  • ใช้เสียงนาฬิกาปลุกที่นุ่มนวล เพลิดเพลิน ให้สมองและร่างกายค่อย ๆ รู้สึกตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ
  • ตั้งนาฬิกาปลุกให้ยาวขึ้นอีกนิด หากตื่นไม่ไหวให้ตั้งระยะเวลาการปลุกครั้งต่อไปอยู่ที่ 20 นาทีเพราะในช่วง 20 นาทีร่างกายได้นอนหลับในระยะที่ปลอดภัย ไม่เพลียหลังจากตื่นนอน
  • นาฬิกาปลุกปุ๊บตื่นปั๊บ ไม่ต้องกด snooze
  • ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกแล้วขยับเท้าสักหน่อย เมื่อรู้สึกตัวแล้วให้หมุนข้อเท้าหรือยืดฝ่าเท้าจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว

เปลี่ยนจากการกดเลื่อนนาฬิกาปลุกแล้วนอนต่อมาเป็นการกดเลื่อนเพื่อเตรียมพร้อมตื่นนอน ให้ร่างกายและสมองได้มีเวลาปรับสภาพการตื่นอย่างช้า ๆ ซึ่งจะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ลดอาการงัวเงียระหว่างวันได้ดี

นอกจากนี้คุณยังสามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มตื่นเช้าได้อย่างสดชื่นด้วย Becoplus ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดธรรมชาติ 11 ชนิด ช่วยปรับสมดุลการนอนหลับ เพิ่มคุณภาพการนอนให้ดียิ่งขึ้น พร้อมช่วยบำรุงสมอง ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือยานอนหลับ คุณจึงเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสดชื่น ไม่อ่อนเพลียหรือง่วงซึมระหว่างวัน

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Becoplus (บีโคพลัส) ตัวช่วยเรื่องนอนหลับ บำรุงสมอง ผ่อนคลายความเครียด เสริมความจำ ป้องกันอัลไซเมอร์ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรจากธรรมชาติมากถึง 11 ชนิด

  • “พรมมิ” Bacopa monnieri
    “Bacopa monnieri” หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในชื่อของ พรมมิ สมุนไพรที่มีประวัติการนำมาใช้อย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน มีงานวิจัยออกมารองรับถึงสรรพคุณต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งช่วยในเรื่องของสมาธิ เสริมความจำ ลดการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง บำรุงระบบประสาทไปจนถึงแก้ร้อนใน
    แอล-ธีอะนีน เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ และเป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในชาเขียวและชาดำช่วยกระตุ้นการผลิตของคลื่นอัลฟ่า (α- wave) ในสมอง ทำให้สมองมีการปล่อยคลื่นอัลฟ่า (α- wave) มากขึ้น และลดการปล่อยคลื่นเบต้า (β-wave) ลง ซึ่งทำให้สมองเกิดการผ่อนคลาย และลดความเครียด
  • “Tart Cherry Powder”
    – ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
    – ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
    – ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
    – ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
    – ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสขึ้น
  • “Ginkgo Leaf”
    – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
    – ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
    – ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
    – ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน
    – อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพผิว
  • “Lemon Balm”
    – ช่วยให้ผ่อนคลาย
    – ช่วยในการนอนหลับ
    – เสริมสร้างระบบความจำ
    – ปรับสมดุลความดันโลหิต
    – ขจัดความเหนื่อยล้า
  • “Goji Berry”
    Goji Berry หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เก๋ากี้ สมุนไพรแพทย์แผนจีนโบราณ ที่มีงานวิจัยออกมารองรับถึงสรรพคุณในด้านต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็น superfood เลยก็ว่าได้ โดยเก๋ากี้จะเด่นในเรื่องช่วงบำรุงสายตา ทำให้ดวงตาแจ่มใสขึ้น และประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
  • “Vitamin D”
    – ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า
    – เพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ
    – ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน
    – ช่วยชะลอวัยของผิว
    – ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก
  • “Vitamin B2”
    – ช่วยป้องกันการเกิดไมเกรน
    – ทำให้ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพดี
    – ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของดวงตา
    – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
    – ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
  • “Vitamin B3”
    – ช่วยเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลัง และสร้างไขมันในร่างกาย
    – ช่วยการไหลเวียนของเลือด
    – ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
    – ลดความดันโลหิต
    – ลดระดับคลอเรสเตอรอล
  • “Vitamin B5”
    – ช่วยเรื่องการนอนหลับ
    – ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย
    – ช่วยผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
    – บรรเทาอาการข้ออักเสบ
    – ลดระดับคอเลสเตอรอล
  • “Vitamin B6”
    – ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
    – ช่วยชะลอวัย
    – ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
    – ป้องกันโรคทางระบบประสาทและโรคผิวหนัง
    – ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น

Becoplus ประโยชน์อัดแน่นใน 1 แคปซูล

Becoplus เหมาะกับใคร

  • ชาย/หญิง 12 ปีขึ้นไป และผู้สูงวัย
  • ผู้ที่มองหาตัวช่วยในการนอนหลับและป้องกันอาการอัลไซเมอร์
  • ผู้ที่ต้องการอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
  • ผู้ที่ต้องการบรรเทาอาการโรคเก๊าท์และข้ออักเสบ
  • ผู้ที่ต้องการลดปริมาณน้ำตาลในเลือด
  • วัยเรียนหรือวัยทำงานที่ใช้สมองในการอย่างหนักและเพิ่มสมาธิ

ครบเครื่องเรื่องบำรุงสมองและการนอนหลับต้อง Becoplus

นอนน้อยเสี่ยงโรคเยอะแถมผิวโทรม!

Becoplus ตัวช่วยหลับลึกหลับสบายของคุณหมอรัสมิ์ภูมิ

บทความที่เกี่ยวข้อง

thThai