fbpx Skip to content

เตรียมตัวเป็นผู้สูงวัย สมองแข็งแรงห่างไกล โรคอัลไซเมอร์

โรคอัลไซเมอร์

รู้หรือไม่ว่าโรคอัลไซเมอร์นั้นไม่ได้เพิ่งเป็นเมื่ออายุมากขึ้น แต่โรคนี้ใช้เวลาบ่มเพาะตั้งแต่ช่วงที่สมองยังใช้งานได้ดีก่อนที่จะส่งสัญญาณของโรคออกมา วันนี้เราเลยจะมาแชร์ข้อมูลดี ๆ เพื่อให้คุณเตรียมตัวเป็นผู้สูงวัยที่มีสุขภาพสมองที่แข็งแรง ห่างไกลจากอัลไซเมอร์

โรคอัลไซเมอร์

โรคอัลไซเมอร์ เกิดจากอะไร

โรคอัลไซเมอร์หนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดโรคสมองเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของการทำงานหรือโครงสร้างของเนื้อเยื่อของสมองซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ แต่ไม่ใช่ความเสื่อมตามธรรมชาติจึงไม่เกิดในผู้สูงอายุทุกคน

โรคอัลไซเมอร์เกิดจากโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ (beta-amyloid) ชนิดไม่ละลายน้ำซึ่งเมื่อไปจับกับเซลล์สมองจะส่งผลให้เซลล์สมองเสื่อมและฝ่อลง และทำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์สมองเสียหายจากการลดลงของสารอะซีติลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ส่งผลโดยตรงกับความทรงจำ

เมื่อเบต้า-อะไมลอยด์สะสมมากขึ้นส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองค่อยๆ ลดลง และไปทำลายเซลล์สมองที่ส่งผลกับการจดจำระยะสั้นก่อนจะกระจายไปสู่สมองส่วนอื่น ๆ และส่งผลต่อการเรียนรู้ ความรู้สึกนึกคิด ภาษา และพฤติกรรม

โรคอัลไซเมอร์

อาการของ โรคอัลไซเมอร์

ระยะแรก
ความจำเริ่มถดถอย ถามคำถามซ้ำ ๆ พูดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิม เครียด หงุดหงิดง่าย สับสนทิศทาง แต่ยังสามารถสื่อสารและทำกิจวัตรประจำวันได้

ระยะกลาง
มีอาการในเรื่องความจำอย่างเห็นได้ชัด ความจำแย่ลง ขาดความยั้งคิด มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น จากคนอารมณ๊ดีกลายเป็นคนเงียบขรึม และมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน ทำบางสิ่งที่เคยทำอยู่ไม่ได้ เช่น ใช้โทรศัพท์ไม่เป็น หรือมีความคิดไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น ระแวงว่าจะถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกปองร้าย เป็นต้น

ระยะท้าย
ผู้ป่วยจะมีอาการแย่ลง ทรุดโทรมสุขภาพไม่ดี กินได้น้อยลง ตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างและเคลื่อนไหวน้อยลง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่พูดจา ภูมิคุ้มกันอ่อนแอนำไปสู่การติดเชื้อและเสียชีวิตในที่สุด

โรคอัลไซเมอร์

พฤติกรรมลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์

ปรับพฤติกรรมและเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในอนาคต

หมั่นเรียนรู้หรือเล่นเกมส์ฝึกสมอง
การเรียนรู้ เล่นเกมส์ฝึกสมอง หรือทำงานที่ต้องใช้ความคิดบ่อย ๆ เป็นการฝึกสมอง และยิ่งทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็ยิ่งทำให้สมองมีการใช้งานทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์น้องลง

ดูแลหูให้ดี
หูทำหน้าที่รับรู้เสียงต่าง ๆ หากมีอาการหูตึงหรือหูเสื่อมได้ยินไม่ชัด สมองที่ทำหน้าที่ประมวลผลเสียงเป็นความหมายก็จะค่อย ๆ ลดประสิทธิภาพการทำงานลง ส่งผลถึงสมองส่วนอื่น ๆ และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ ดังนั้นดูแลรักษาหูกันให้ดี ๆ เลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีเสียงดัง

รักษาความดันให้ปกติ
ควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติ ใครที่มีความดันโลหิตสูงให้พบแพทย์และกินยาควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการกิน เช่น เลิกดื่มเหล้า กินเบียร์ สูบบุหรี่ และจำกัดการกินของเค็ม งดปรุง งดเกลือ และงดอาหารรสจัด

ควบคุมระดับน้ำตาล
ควบคุมระกับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติอยู่เสมอ และตรวจระดับน้ำตาลเป็นประจำ ลดการกินหวานเพื่อลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวาน

จิตใจแข็งแรง
หากตนเองหรือคนในครอบครัวมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คิดบวก ให้กำลังใจและให้คุณค่าแก่ตัวเอง

ออกกำลังกาย
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือแอโรบิกเพื่อให้หัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดได้ดี ควรมีอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นระหว่าง 60-85% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดจะดีมาก

เข้าสังคม
การพูดคุยกับผู้อื่น เข้าสัมคง หรือพบปะเพื่อนฝูงเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยให้สมองทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการเพิ่มเติมข้อมูลใหม่ ๆ ให้สมอง รวมถึงการพูดคุย ถกเถียง อภิปราย หรือพูดคุยในประเด็นที่ไม่เคยพูดเพื่อเปิดรับข้อมูลใหม่ ๆ

ไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป
ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน มีน้ำหนักตัวปกติ ไม่อ้วนลงพุงหรือผอมเกินไปจะมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อยกว่า ใครที่ดัชนีมวลกายไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานต้องปรับเรื่องการกินใหม่และหมั่นออกกำลังกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ

ควรกินผักผลไม้ให้ได้ทุกมื้อเพราะมีกากใยสูง โดยเฉพาะพริกหวานที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสันได้ และเลือกกินอาหารทะเลที่มีโอเมก้า 3 อย่างปลาซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ หรือรับประทานอาหารมังสวิรัติได้ยิ่งดี และเลี่ยงอาหารประเภท ชีส เนื้อแดง อาหารทอดและของมัน

โรคอัลไซเมอร์

อย่ารอให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ ดูแลตัวเองและคนที่คุณรักด้วย Becoplus

อีกหนึ่งตัวช่วยเรื่องสมองนั่นก็คือการเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยบำรุงสมองป้องกันอัลไซเมอร์ โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของพรมมิ ใบแปะก๊วย แอลธิอะนิน เลมอนบาล์ม ผงเชอร์รี่ทาร์ต วิตามินบี 6 และวิตามินดี อย่าง Becoplus ที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ช่วยให้สมองได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ และส่งเสริมการเรียนรู้และความทรงจำ ผ่านมาตรฐาน อย. และได้รับเครื่องหมายรับรองฮาลาล จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยทานได้อย่างต่อเนื่อง

Becoplus - เสริมความจำ ป้องกันอัลไซเมอร์

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Becoplus (บีโคพลัส) ตัวช่วยเรื่องนอนหลับ บำรุงสมอง เสริมความจำ ป้องกันอัลไซเมอร์ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรจากธรรมชาติมากถึง 11 ชนิด

  • “พรมมิ” Bacopa monnieri
    “Bacopa monnieri” หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในชื่อของ พรมมิ สมุนไพรที่มีประวัติการนำมาใช้อย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน มีงานวิจัยออกมารองรับถึงสรรพคุณต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งช่วยในเรื่องของสมาธิ เสริมความจำ ลดการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง บำรุงระบบประสาทไปจนถึงแก้ร้อนใน
  • แอล-ธีอะนีน เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ และเป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในชาเขียวและชาดำช่วยกระตุ้นการผลิตของคลื่นอัลฟ่า (α- wave) ในสมอง ทำให้สมองมีการปล่อยคลื่นอัลฟ่า (α- wave) มากขึ้น และลดการปล่อยคลื่นเบต้า (β-wave) ลง ซึ่งทำให้สมองเกิดการผ่อนคลาย และลดความเครียด
  • “Tart Cherry Powder”
    – ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
    – ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
    – ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
    – ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
    – ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสขึ้น
  • “Ginkgo Leaf”
    – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
    – ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
    – ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
    – ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน
    – อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพผิว
  • “Lemon Balm”
    – ช่วยให้ผ่อนคลาย
    – ช่วยในการนอนหลับ
    – เสริมสร้างระบบความจำ
    – ปรับสมดุลความดันโลหิต
    – ขจัดความเหนื่อยล้า
  • “Goji Berry”
    Goji Berry หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เก๋ากี้ สมุนไพรแพทย์แผนจีนโบราณ ที่มีงานวิจัยออกมารองรับถึงสรรพคุณในด้านต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็น superfood เลยก็ว่าได้ โดยเก๋ากี้จะเด่นในเรื่องช่วงบำรุงสายตา ทำให้ดวงตาแจ่มใสขึ้น และประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
  • “Vitamin D”
    – ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า
    – เพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ
    – ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน
    – ช่วยชะลอวัยของผิว
    – ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก
  • “Vitamin B2”
    – ช่วยป้องกันการเกิดไมเกรน
    – ทำให้ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพดี
    – ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของดวงตา
    – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
    – ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
  • “Vitamin B3”
    – ช่วยเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลัง และสร้างไขมันในร่างกาย
    – ช่วยการไหลเวียนของเลือด
    – ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
    – ลดความดันโลหิต
    – ลดระดับคลอเรสเตอรอล
  • “Vitamin B5”
    – ช่วยเรื่องการนอนหลับ
    – ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย
    – ช่วยผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
    – บรรเทาอาการข้ออักเสบ
    – ลดระดับคอเลสเตอรอล
  • “Vitamin B6”
    – ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
    – ช่วยชะลอวัย
    – ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
    – ป้องกันโรคทางระบบประสาทและโรคผิวหนัง
    – ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น

Becoplus ประโยชน์อัดแน่นใน 1 แคปซูล

ครบเครื่องเรื่องบำรุงสมองและการนอนหลับต้อง Becoplus

บทความที่เกี่ยวข้อง

thThai