fbpx Skip to content

นอนดึก จนชินปรับเวลาให้นอนเร็วขึ้นยังไงดีนะ?

นอนดึก

นอนดึก ตื่นเช้ารู้สึกไม่สดชื่น นอนไม่เต็มอิ่ม ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แบบนี้ต้องปรับเวลานอนใหม่แล้ว ต้องทำยังไงบ้างติดตามได้ในบทความนี้

นอนดึก

การเข้านอนดึกพักผ่อนน้อย ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากการทำงานหรือจัดสรรเวลาผิดต่างก็ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เข้านอนเร็วขึ้นได้จะส่งผลดีต่อร่างกายดังนี้

สมองสร้างเคมีความสุข สมองที่ศูนย์กลางของร่างกายเมื่อได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอก็จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาว ในวัยเด็กจะช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตสมวัย มีพัฒนาการที่ดี แต่ในวัยผู้ใหญ่โกรทฮอร์โมยจะซ่อมแซมร่างกาย ชะลอวัย ทำให้มีรูปร่างที่ดี ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ และลดการสะสมของไขมัน

ความจำดีขึ้น การนอนดึกมีผลต่อความจำ ยิ่งมีการอดนอนแล้วยิ่งจะทำให้ความจำลดลง การทำงานของสมองลดประสิทธิภาพลง การนอนเร็วก็เหมือนการได้ฟื้นฟูสมองอย่างเต็มที่

คุมความดันโลหิตได้ การนอนเร็วจะช่วยในเรื่องระบบการทำงานของประสาทอัตโนมัติทั้งหลาย ช่วยควบคุมหัวใจ ความดันโลหิตให้สงบ ไม่แกว่งขึนลงเหมือนตอนตื่นนอน

ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เวลานอนคือช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุด ดังนั้นหากนอนไวก็จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่

ลดความเสี่ยงโรคอ้วน การนอนดึกทำให้การเผาพลาญลดลง ทำให้ไขมันที่ควรจะถูกเผาพลาญนั้นยังคงอยู่

ร่างกายแข็งแรง พื้นฐานของร่างกายที่แข็งแรงมากจากการได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดความอ่อนแอทางร่างกาย ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ

นอนดึก

เปลี่ยน นอนดึก เป็นนอนเร็วต้องทำอย่างไร

ค่อย ๆ ปรับตัว หากนอนดึกเป็นปกติแล้ว จะปรับตัวปุ๊บปั้๊บให้นอนเร็วเลยคงทำได้ยากเพราะร่างกายได้ชินกับการนอนดึกไปแล้ว ดังนั้นให้ค่อย ๆ ปรับการนอนให้เร็วขึ้นกว่าปกติ เช่น จากที่เคยเข้านอนตอนเที่ยงคืนก็ปรับให้เข้านอนตอนห้าทุ่ม แล้วค่อย ๆ ปรับเวลาเข้านอนให้เร็วขึ้นไปอีก ซึ่งขั้นตอนการปรับเวลานอนนี้อาจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนเพื่อให้ร่างกายเคยชิน

ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายช่วยให้นอนหลัยได้ดีและนอนหลับได้เร็วขึ้น ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที แต่ไม่ควรออกกำลังกายในช่วงหัวค่ำหรือตอนกลางคืนเพราะจะทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่ากลายเป็นนอนไม่หลับไปอีก ช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกกำลังกายคือตอนเช้าหรือตอนเย็น (ไม่ควรเกิน 17.00 น.) เพื่อให้ร่างกานได้ปรับตัวให้พร้อมเข้านอน

ตื่นให้เร็วกว่าปกติ การตื่นนอนเร็วจะช่วยปรับให้นอนได้เร็วขึ้นเพราะจะรู้สึกง่วงที่ตื่นนอนเร็ว แต่อย่าเผลอหลับช่วงกลางวันหรือตอนเย็นเพราะตอนกลางคืนอาจหลับยากขึ้น การตื่นเช้าก็จะเปล่าประโยชน์ไปเลย

หยุดเลื่อนนาฬิกาปลุก ใครที่เป็นสายขี้เซาขอต่อเวลานอนให้ลองวางนาฬิกาปลุกให้ห่างจากเตียง เป็นการบังคับให้ต้องลุกขึ้นมากดปิดนาฬิกาปลุก แต่ต้องแข็งใจไม่นอนต่อนะ

เสาร์-อาทิตย์ก็ห้ามตื่นสาย หากเรานอนดึกหรือตื่นสายมาก ๆ ในวันเสาร์-อาทิตย์ การนอนและตื่นเร็วในวันธรรมดาก็จะรวนไปด้วย พยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาใกล้เคียงกันฃ

เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเข้านอน เช่น เสื้อผ้าที่จะใส่ตอนเช้า ข้าวของ อาหารเช้า เป็นต้น การทำแบบนี้จะทำให้ช่วงเช้าเราไม่เครียดจนเกินไปและยังทำสิ่งต่าง ๆ ได้ในทันที

นอนดึก

เพิ่มความสดชื่นให้เช้าวันใหม่

นอนดึกตื่นสายจนชินลองปรับมาเป็นเข้านอนเร็วแล้วตื่นเช้ากันดีกว่า มาเรียกความสดชื่นยามเช้ากัน!

รับแสงยามเช้า การรับแสงยามเช้าเป็นกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว เป็นการส่งสัญญาณไปบอกสมองว่าได้เวลาตื่นแล้ว ซึ่งถ้าอยากตื่นแบบสดชื่นให้ใช้ผ้าม่านที่แสงสามารถผ่านเข้ามาได้ เราจะรู้สึกตื่นเช้าได้อย่างสดชื่น ไม่งัวเงีย

ดื่มน้ำเปล่า หลังตื่นนอนร่างกายจะมีอาการขาดน้ำทำให้รู้สึกไม่สดชื่นการดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนทันทีจะช่วยชดเชยน้ำที่สูญเสียไปในตอนกลางคืน และช่วยเพิ่มพลังให้ร่างกายอย่างรวดเร็ว ใครที่อยากปลุกตัวเองให้เฟรชแนะนำว่าดื่มน้ำเย็นได้เลยช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ดีด้วยนะ

ยืดเหยียดร่างกาย การออกกำลังกายเบา ๆ ในช่วงเช้าหลังตื่นนอนอย่างการยืดเหยียดร่างกาย จะทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวหลังจากนอนมาทั้งคืน ขณะที่เรายืดเส้นยืดสายร่างกายก็จะตื่นตัวมากขึ้น หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นทำให้เลือดไหลเวียนไปที่สมองถือเป็นการปลุกร่างกายให้ตื่นและสดใสขึ้น

ทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ ช่วงเช้าหากน้ำตาลในเลือดต่ำ เราก็จะมีพลังงานที่ต่ำไปด้วย การทานอาหารเช้าจึงช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย แนะนำว่าให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น แซนด์วิชอกไก่ ข้าวไข่เจียว โยเกิร์ต เป็นต้น

การเข้านอนให้เร็วขึ้นนอกจากจะได้สุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนเยาว์ โดยควรเข้านอนไม่เกิน 4 ทุ่มเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่หากใครที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ขอแนะนำ Becoplus ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติกว่า 11 ชนิด ผู้ช่วยปรับสมดุลการนอนที่ช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิท หลับได้อย่างเต็มอิ่ม หลับได้อย่างต่อเนื่อง และตื่นเช้าได้อย่างสดชื่นสดใส ไม่ง่วงซึมระหว่างวัน นอกจากนี้ Becoplus ยังผ่านมาตรฐานอย. และได้รับรองเครื่องหมายฮาลาล จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย ไม่มีสารเคมีเจือปน ประโยชน์อัดแน่นในทุกแคปซูล

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Becoplus (บีโคพลัส) ตัวช่วยเรื่องนอนหลับ บำรุงสมอง ผ่อนคลายความเครียด เสริมความจำ ป้องกันอัลไซเมอร์ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรจากธรรมชาติมากถึง 11 ชนิด

  • “พรมมิ” Bacopa monnieri
    “Bacopa monnieri” หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในชื่อของ พรมมิ สมุนไพรที่มีประวัติการนำมาใช้อย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน มีงานวิจัยออกมารองรับถึงสรรพคุณต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งช่วยในเรื่องของสมาธิ เสริมความจำ ลดการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง บำรุงระบบประสาทไปจนถึงแก้ร้อนใน
    แอล-ธีอะนีน เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ และเป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในชาเขียวและชาดำช่วยกระตุ้นการผลิตของคลื่นอัลฟ่า (α- wave) ในสมอง ทำให้สมองมีการปล่อยคลื่นอัลฟ่า (α- wave) มากขึ้น และลดการปล่อยคลื่นเบต้า (β-wave) ลง ซึ่งทำให้สมองเกิดการผ่อนคลาย และลดความเครียด
  • “Tart Cherry Powder”
    – ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
    – ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
    – ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
    – ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
    – ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสขึ้น
  • “Ginkgo Leaf”
    – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
    – ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
    – ช่วยลดความเครียด และความซึมเศร้าได้
    – ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน
    – อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพผิว
  • “Lemon Balm”
    – ช่วยให้ผ่อนคลาย
    – ช่วยในการนอนหลับ
    – เสริมสร้างระบบความจำ
    – ปรับสมดุลความดันโลหิต
    – ขจัดความเหนื่อยล้า
  • “Goji Berry”
    Goji Berry หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เก๋ากี้ สมุนไพรแพทย์แผนจีนโบราณ ที่มีงานวิจัยออกมารองรับถึงสรรพคุณในด้านต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็น superfood เลยก็ว่าได้ โดยเก๋ากี้จะเด่นในเรื่องช่วงบำรุงสายตา ทำให้ดวงตาแจ่มใสขึ้น และประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
  • “Vitamin D”
    – ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า
    – เพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ
    – ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน
    – ช่วยชะลอวัยของผิว
    – ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก
  • “Vitamin B2”
    – ช่วยป้องกันการเกิดไมเกรน
    – ทำให้ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพดี
    – ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของดวงตา
    – ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
    – ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
  • “Vitamin B3”
    – ช่วยเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลัง และสร้างไขมันในร่างกาย
    – ช่วยการไหลเวียนของเลือด
    – ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
    – ลดความดันโลหิต
    – ลดระดับคลอเรสเตอรอล
  • “Vitamin B5”
    – ช่วยเรื่องการนอนหลับ
    – ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย
    – ช่วยผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
    – บรรเทาอาการข้ออักเสบ
    – ลดระดับคอเลสเตอรอล
  • “Vitamin B6”
    – ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
    – ช่วยชะลอวัย
    – ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
    – ป้องกันโรคทางระบบประสาทและโรคผิวหนัง
    – ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น

Becoplus เหมาะกับใคร

  • ชาย/หญิง 12 ปีขึ้นไป และผู้สูงวัย
  • ผู้ที่มองหาตัวช่วยในการนอนหลับและป้องกันอาการอัลไซเมอร์
  • ผู้ที่ต้องการอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
  • ผู้ที่ต้องการบรรเทาอาการโรคเก๊าท์และข้ออักเสบ
  • ผู้ที่ต้องการลดปริมาณน้ำตาลในเลือด
  • วัยเรียนหรือวัยทำงานที่ใช้สมองในการอย่างหนักและเพิ่มสมาธิ

ครบเครื่องเรื่องบำรุงสมองและการนอนหลับต้อง Becoplus

บทความที่เกี่ยวข้อง

thThai