fbpx Skip to content

ข้อเข่าเสื่อมแค่รู้ทันก็ป้องกันได้

ข้อเข่าเสื่อม

ลุกขึ้นทีหรือเคลื่อนไหวทีก็มีเสียงกรอบแกรบมาให้รำคาญใจ บางวันก็ปวดเป็น ๆ หาย ๆ ใครมีอาการแบบนี้ระวังให้ดี เพราะนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรค ข้อเข่าเสื่อม

ข้อเข่าเสื่อม หนึ่งในโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุแต่ปัจจุบันพบบ่อยขึ้นกับผู้ที่มีอายุไม่มากโดยเฉพาะวัยกลางคน ที่นอกจากจะมีอาการเจ็บปวดแล้วยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย ดังนั้นวันนี้เรามาทำรู้จักกับข้อเข่าเสื่อมกันให้มากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดข้อเข่าเสื่อมกันค่ะ

ข้อเข่าเสื่อม

ทำความรู้จัก ข้อเข่าเสื่อม

ข้อเข่าเสื่อมคือโรคที่เกิดจากกระดูกอ่อนทำหน้าที่ปกป้องและเป็นตัวรับแรงกระแทกในข้อเข่ามีการสึกหรอหรือเสื่อมสภาพลงหลังการใช้งานมานาน ส่งผลให้มีการเสียดสีกันจนเกิดการเสื่อมและสึกกร่อนของกระดูกอ่อนผิวข้อจนมีอาการปวดเข่า มักเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่มีการใช้งานข้อเข่ามากเกินไปและอายุที่เพิ่มมากขึ้นก็ส่งผลทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้ หากไม่ได้รับการรักษาจะมีอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนหัวเข่าผิดรูปและมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว

อาการแบบไหนคือ ข้อเข่าเสื่อม

  • ระยะแรก เริ่มมีอาการปวดเข่าขณะเคลื่อนไหวเช่น การเดินขึ้น-ลงบันได การนั่ง เป็นต้น จะมีอาการดีขึ้นเมื่อพักการใช้ข้อ และจะมีอาการข้อผืดขัดเมื่อหยุดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน เมื่อขยับข้อจะรู้สึกถึงการเสียดสีของกระดูกหรือได้ยินเสียงลั่นในข้อ
  • ระยะแสดงอาการรุนแรง เริ่มมีอาการปวดเข่าที่รุนแรงมากขึ้น เมื่อเกร็งกล้ามเนื้อต้นขาจะมีอาการปวดหรือรู้สึกเสียวบริเวณกระดูกสะบ้า หากมีการอักเสบจะมีอาการบวมร้อนของข้อ หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานจะทำให้ข้อเข่าผิดรูป เหยียด หรืองอเข่าไม่ได้ ส่งผลให้เคลื่อนไหวได้ไม่ถนัด

ข้อเข่าเสื่อม ใครที่เสี่ยงบ้าง?

  • อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นความเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อ กล้ามเนื้อ และเส้นประสาทก็จะเสื่อมลงตามวัย โดยอายุ 40 เริ่มมีข้อเสื่อม อายุ 55 ปีขึ้นไปเริ่มมีอาการปวดเข่า และเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไปมีโอกาสเป็นข้อเข่าเสื่อมได้ถึงร้อยละ 40 นอกจากนี้ยังพบว่าข้อเข่าเสื่อมเกิดในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 2-3 เท่า เพราะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เป็นตัวป้องกันความเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อเข่า ดังนั้นวัยหมดประจำเดือนจะเกิดข้อเข้าเสื่อมได้ง่ายกว่าปกติ
  • กรรมพันธุ์ หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมอาจส่งผลให้มีโอกาสเป็นข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น
  • มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมเร็วยิ่งขึ้นเพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น 0.5 กิโลกรัม จะเพิ่มแรงที่กระทำต่อข้อเข่าถึง 1-5 กิโลกรัม รวมถึงเซลล์ไขมันที่มีมากเกินไปส่งผลต่อเซลล์กระดูกอ่อนและเซลล์กระดูกให้เกิดข้อเสื่อมเร็วขึ้น
  • มีการใช้งานที่มากเกินไป มีการใช้หัวเข่าผิดท่า หรืออยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น ต้องยืนเป็นเวลานาน หรือยกของหนัก ขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ การก้มยกของ รวมถึงท่าทางจากกิจกรรมที่มีแรงกดต่อข้อเข่ามาก ๆ เช่น คุกเข่า นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ เป็นต้น
  • ข้อเข่าหลวม กล้ามเนื้อต้นขาอ่อนแรง
  • อุบัติเหตุที่เกิดแรงกระแทกที่ข้อ เส้นเอ็น การบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณข้อเข่า ส่งผลให้มีอาการปวดหัวเข่า และเสี่ยงข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
  • เกิดจากโรค เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ ข้อเข่าติดเชื้อ โรคที่เกิดกับอวัยวะนอกข้อเข่า รวมทั้งโรคข้ออักเสบชนิดต่าง ๆ

วิธีป้องกันอาการข้อเข่าเสื่อมเร็ว

  • ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไปเพื่อให้ข้อเข่ารับแรงกดน้อยลง
  • ปรับอิริยาบถการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ใช้งานข้อเข่ามากจนเกินไป เลี่ยงการนั่งราบบนพื้น นั่งพับเพียบ ยอง ๆ คุกเข่า หรือขัดสมาธิ
  • เลี่ยงการยืนหรือนั่งท่าเดียวนาน ๆ หากต้องยืนให้ยืนตรงกางขาออกเล็กน้อยให้น้ำหนักลงที่เข่าทั้งสองข้างเท่าๆกัน ไม่ควรยืนพักเข่าข้างใดข้างหนึ่ง
  • เลี่ยงกิจกรรม หรือการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่อข้อเข่าสูง เช่น การยกของหนัก ๆ หรือการกระโดด เป็นต้น
  • สร้างกล้ามเนื้อต้นขาหรือเส้นเอ็นรอบเข่าให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย เพื่อช่วยพยุงและรองรับแรงกระแทกต่อข้อเข่า
  • เลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับกิจกรรมแต่ละประเภท หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง
  • ระวังการไม่ให้เกิดการบาดเจ็บของข้อเข่า หากมีอาการบาดเจ็บของข้อเข่าควรรีบรับการรักษาทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน
  • เสริมแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นต่อข้อเข่า เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีอยู่ในปลาทะเล อาหารที่มีเบต้าแคโรทีน หรือสารต้านอนุมูลอิสระสูงจากผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักคะน้า บรอคโคลี ใบยอ อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น อัลมอนด์ งาดำ ผลิตภัณฑ์จากนม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เสริมด้วยอาหารที่มีวิตามินดีสูงเพื่อช่วยในการดูดซึมของแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย
  • เสริมด้วยคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้แก่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยเฉพาะข้อต่อ กระดูกอ่อน เส้นเอ็น ซึ่งเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายผลิตคอลลาเจนได้ลดน้อยลงจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องข้อเข่า
    .
    โดยเฉพาะ Collagen Type II ที่เป็นโครงสร้างสำคัญของข้อต่อ, กระดูกอ่อน และกระดูก เป็นโปรตีนที่พบมากบริเวณข้อต่อประมาณ 50% จากโปรตีนทั้งหมด ซึ่งในกระดูกอ่อนสามารถพบคอลลาเจนไทพ์ทูได้มากถึง 90% จากคอลลาเจนทั้งหมด กระดูกอ่อนนี้มีความจำเป็นต่อข้อต่อเพราะทำหน้าที่เปรียบเสมือนยางกันกระแทกให้กับข้อต่อ ช่วยรองรับน้ำหนักในขณะที่เราขยับเคลื่อนไหว
    .
    หน้าที่หลัก ๆ ของ Collagen Type II คือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของส่วนประกอบบริเวณข้อต่อ และคอยควบคุมน้ำในข้อให้อยู่ในภาวะสมดุล หากร่างกายขาด Collagen Type II กระดูกอ่อนจะเริ่มซ่อมแซมตัวเองได้ช้าลง และค่อย ๆ สึกหรอไปทีละนิด จนกระดูกบริเวณข้อต่อเกิดการเสียดสีโดยตรง ส่งผลให้ข้อต่อเกิดการสึกหรอ อักเสบบวมแดงนั่นเอง

ข้อเข่าเสื่อม

เสริมคอลลาเจนก่อน ข้อเข่าเสื่อม ด้วย NADE’ Marine Collagen

เสริมคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ข้อต่อด้วย Collagen Type II ที่มีอยู่ใน NADE’ Marine Collagen ซึ่ง Collagen Type II เป็นคอลลาเจนสําหรับข้อเข่าเสื่อมโดยเฉพาะ เพราะสามารถช่วยซ่อมแซมข้อต่อและเนื้อเยื่อที่เสียหายได้ ช่วยช่วยเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงในข้อต่อในผู้ที่มีปัญหาน้ำไขข้อแห้ง และยังช่วยบํารุงข้อเข่าอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี Dipeptide Collagen, Marine Collagen, Tripeptide Collagen และสารสกัดอื่น ๆ รวมกว่า 22 ชนิดที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ กระดูกและข้อให้แข็งแรง ดูแลครบแบบนี้ต้อง NADE’ Marine Collagen เท่านั้น

NADE’ Marine Collagen+Dipeptide 

ให้มากกว่าผิวสวยด้วยนวัตกรรม TaloAge ชะลอวัยลึกถึงระดับเซลล์จากสกัดกว่า 22 ชนิด

  • คอลลาเจนไดเปปไทด์ : ดูดซึมได้ดีที่สุด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื้น เรียบเนียน ลดการเกิดริ้วรอย เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก
  • มารีนคอลลาเจน : ลดเลือนริ้วรอย เสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว ฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้งกร้าน ช่วยให้ผิวกระชับเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย ปรับผิวให้กระจ่างใส กักเก็บน้ำและให้ความนุ่มชุ่มชื้นแก่ชั้นผิว
  • คอลลาเจนไตรเปปไทด์ : ช่วยซ่อมแซมและเติมเต็มคอลลาเจนในผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Collagen Type II :  ช่วยบำรุงข้อต่อ ข้อเข่า
  • L-Glutathione : ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างคอลลาเจน ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ปรับสีผิวให้กระจ่างใส
  • Coenzyme Q10 : เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวอิ่มฟู เสริมสร้างเซลล์ผิวพรรณใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิวพรรณเดิม
  • Astragalus Extract : ชะลอการหดสั้นของ Telomere ที่เป็นสาเหตุของความแก่ชรา
  • Sea Buckthorn Powder : ดูแลและซ่อมแซมเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส เนียนนุ่มไม่แห้งกร้าน ลดการแก่ก่อนวัยของเซลล์ผิว
  • Ascorbic Acid : เพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้ชั้นผิว ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เพิ่มการการดูดซึมคอลลาเจนให้ดียิ่งขึ้น
  • Glycine : ช่วยกักเก็บน้ำในเซลล์ผิวและรักษาความยืดหยุ่นให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • Pine Bark Extract : ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มคอลลาเจน และอิลาสตินในผิว ลดเลือนริ้วรอยลึกให้ตื้นและเรียบเนียนขึ้น
  • Grape Extract : ยังยั้งการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยลดริ้วรอยและลดปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • Turmeric Extract : ช่วยลดและต้านการเกิดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • Rice Extract : ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงผิว
  • Riboflavin : ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดี
  • Copper Gluconate : ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้เซลล์ผิวได้รับการฟื้นฟู

บทความที่เกี่ยวข้อง

thThai