“ผมร่วง” ปัญหายอดฮิตที่สาว ๆ ต้องเจอ ยิ่งเวลาสระผมแล้วผมร่วงติดมือมาเป็นกระจุก เห็นแล้วก็ใจไม่ดี หัวจะล้านก่อนรึป่าวนะ ไม่ต้องกังวลไปวันนี้ NADE’ Collagen Jelly จะมาแชร์การบำรุงเส้นผมและการสระผมอย่างถูกวิธีที่จะช่วยลดผมหลุดร่วง แอดลองมาแล้วผมร่วงน้อยลงจริงคอนเฟิร์มเลย

บำรุงเส้นผม ลด”ผมร่วง“ด้วยของที่มีประโยชน์

มากกว่าการบำรุงเส้นผมจากภายนอก นั่นคือการที่ผมมีสุขภาพดีจากภายใน ซึ่งก็มาจากอาหารการกินของเรานี่แหละ โดยเส้นผมนั้นประกอบไปด้วยโปรตีน keratin ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากหน่วยเล็กที่เรียกว่ากรดอะมิโน ในระหว่างการย่อยอาหารที่มีโปรตีนจะถูกแบ่งย่อยเป็นกรดอะมิโนและแพร่กระจายในกระแสเลือด และจะถูกเรียงใหม่เพื่อสร้างเป็น keratin ในเซลล์ของเส้นผม นอกจากสารอาหารอย่างโปรตีนแล้วผมของเรายังต้องการสารอาหารอื่นๆที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดี ไกลจากผมร่วง

1. 1. MSM คือกำมะถันที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา ช่วยเพิ่มคอลลาเจนและเคราติน ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารพื้นฐานในการสร้างผิว ผม เล็บ ซึ่งตัวช่วยสร้าง MSM ก็คือกรดอะมิโน cysteine ที่ช่วยสร้างผิวหนังและเนื้อเยื่อผม อีกทั้งยังช่วยเร่งการรักษาบาดแผล
      อาหารที่มี MSM :
      ได้แก่กะหล่ำปลี คะน้า กะหล่ำดอก ผักคะน้า หน่อไม้ฝรั่ง หัวหอม และกระเทียม
   2. โปรตีน ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในการสร้างผมที่จับตัวกันจนมีโครงสร้างที่แข็งแรง เรียกว่าเคราติน หากร่างกายได้รับโปรตีนน้อยเกินไปจะสร้างผมได้ช้าลง โครงสร้างของเคราตินก็จะไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ส่งผลให้ผมเปราะขาดง่าย มีอาการผมร่วงเนื่องจากการขาดโปรตีนได้
      อาหารที่มีโปรตีน :
      โยเกิร์ตกรีก ไข่แดง ผักคะน้า เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อไก่ส่วนอก ปลา ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ เต้าหู้ ถั่วเหลือง และควินัว
   3. สังกะสี เป็นอาหารบำรุงผมที่เป็นแร่ธาตุสำคัญอย่างหนึ่ง มีผลเกี่ยวกับผมและเล็บเป็นส่วนใหญ่ ซิงค์มีผลทำให้รากผมแข็งแรง ลดอาการผมร่วง ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและซ่อมแซม ช่วยให้ต่อมไขมันที่ผมทำงานได้อย่างเป็นปกติ เพื่อให้ไขมันเหล่านี้เคลือบเส้นผมไว้ ทำให้เส้นผมเงางาม หวีง่าย ไม่พันกัน ผมไม่เปราะขาด แตกปลายง่าย ควบคุมความเป็นกรดด่างของหนังศีรษะได้ และไม่ทำให้เกิดรังแคอีกด้วย โดยรวมแล้วสังกะสีช่วยให้หนังศีรษะและเส้นผมมีสุขภาพดี
      อาหารที่มีสังกะสี :
      อาหารทะเล หอยนางรม ปู กุ้งมังกร หอยแมลงภู่ เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อหมู และธัญพืช
   4. วิตามินบีหรือไบโอติน(วิตามินบี 7) ช่วยคืนความเงางามและความหนาให้เส้นผม เมื่อไบโอตินน้อยเกินไปอาจทำให้เส้นผมเปราะ และอาจทำให้เส้นผมร่วง งอกช้า เปราะ แตกหักง่าย นอกจากนี้วิตามินบี 6, วิตามินบี 12 และโฟเลตหรือวิตามินบี 9 ยังมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงที่เป็นตัวลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารต่างๆมายังรากผมอีกด้วย
      อาหารที่มีวิตามินบี :
      ธัญพืช ไข่ อะโวคาโด ยีสต์ ตับ เนื้อหมู เนื้อไก่ ถั่ว และผลิตภัณฑ์นม
   5. โอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า-3 ช่วยบำรุงเส้นผมทั้งภายในและภายนอก บำรุงรูขุมขน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผม ป้องกันผมร่วง ผมบางและแตกปลาย แต่ร่างกายของเราไม่สามารถผลิตโอเมก้า 3 ได้เอง ดังนั้นเราจึงต้องทานอาหารที่มีสารอาหารชนิดนี้
      อาหารที่มีโอเมก้า 3 :
      เมล็ดแฟลกซีดส์ วอลนัท ถั่วเหลือง น้ำมันคาโนล่า ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ผักคะน้า กะหล่ำ และปลาขนาดเล็ก
   6. ซิลีเนียม ทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบในโมเลกุลของแอนตีออกซิแดนซ์เอนไซม์ (antioxidant enzyme) ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และช่วยกระตุ้นรากผมให้เจริญเติบโต เมื่อร่างกายขาดซีลีเนียมอาจทำให้ต่อมบริเวณรากผมเจริญเติบโตผิดปกติ และเกิดผมร่วงในที่สุด
      อาหารที่มีซิลีเนียม :
      ถั่ว ปลาทูน่า ฮาลิบัต กุ้ง และปลาซาร์ดีน

เพิ่มการบำรุงแบบล้ำลึกลด”ผมร่วง“ด้วย NADE’ Collagen Jelly

NADE’ Collagen Jelly คอลลาเจนพรีเมียมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีสารสกัดอย่างคอลลาเจนไดเปปไทด์ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ และไบโอติน ที่ช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยให้รากผมแข็งแรง ลดปัญหาผมหลุดร่วงง่าย 

ซึ่งคอลลาเจนไตรเปปไทด์เป็นหนึ่งในสารอาหารที่อยู่ในกลุ่มของโปรตีนเช่นเดียวกัน จึงเป็นตัวช่วยในการดูแลเส้นผมเช่นเดียวกับสารอาหารอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มโปรตีน และนอกจาก NADE’ Collagen Jelly จะช่วยบำรุงเส้นผมแล้วยังมีสารสกัดอื่น ๆ อย่างZinc, Vitamin C, L-Glutathione, Collagen Type II, Astaxanthin, Licorice Extrac, Melon Extract, Gac Extract, Grape Extract ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ปกป้องผิวจากแสงแดด ลดการเกิดสิวและจุดด่างดำ ช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่ออีกด้วย

ควบคู่กับการบำรุงด้วยการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีเพื่อลด”ผมร่วง“อย่างเห็นผล

1. 1. ล้างผมด้วยน้ำเปล่าก่อนสระ (ใช้เวลาประมาณ 1 นาที)
      ขั้นตอนแรกคือขั้นตอนที่สำคัญเลย เพราะช่วยล้างฝุ่น สิ่งสกปรกตกค้างบนเส้นผมและหนังศีรษะได้ถึง 70-80% แถมยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง และเตรียมให้ผมเปียกก่อนสระได้อย่างทั่วถึง
   2. ถูแชมพูให้เกิดฟองก่อนสระผม (ใช้เวลาประมาณ 2 นาที)
      ผมเปียกเป็นสภาพที่อ่อนแอที่สุด การบีบแชมพูลงบนหนังศีรษะและเส้นผมโดยตรง หรือเทแชมพูใส่มือและสระ ขยี้ ๆ ถู ๆ ให้เกิดฟองเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเทแชมพูใส่ลงในมือ แล้วถูหรือตีแชมพูให้เกิดฟองก่อน จากนั้นค่อยชโลมลงบนหนังศีรษะและเส้นผมของเราซึ่งการสระผมนั้นไม่ใช่การเกาอย่างที่เรามักทำกัน แต่เป็นการนวดหรือการคลึงหนังศีรษะ เบา ๆ ค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้วของเราถูวน ๆ นวด ๆ บนหนังศีรษะช้า ๆ ใช้เวลากับขั้นตอนนี้สักหน่อยเพราะนอกจากจะเป็นการชำระล้างความมันของหนังศีรษะและขจัดสิ่งสกปรกทั้งหลายแล้ว การนวดศีรษะเป็นการช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้เส้นผมแข็งแรงไม่ขาดร่วงง่ายอีกด้วย
   3. ใช้ครีมนวดผมหรือทรีทเม้นต์แค่เฉพาะปลายผมเท่านั้น
      การลงครีมนวดผมที่ถูกต้องคือใช้แค่เฉพาะบริเวณปลายผมเท่านั้น ระวังไม่ให้ครีมนวดผมสัมผัสกับโคนผมหรือหนังศีรษะทั้งตอนกำลังนวดผมและตอนล้างครีมนวดออก เพราะครีมนวดที่โดนและสัมผัสกับโคนผมหรือหนังศีรษะนั้นจะไปช่วยเพิ่มน้ำมันที่บริเวณหนังศีรษะและโคนผมให้มากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาผมมัน เหนียวเหนอะ เส้นผมลีบแบน
   4. ล้างผมจากท้ายทอย (ใช้เวลาประมาณนานกว่าตอนสระ 2 เท่า)
      ก้มศีรษะล้างผมจากบริเวณท้ายทอยหรือส่วนต้นคอขึ้นไป เพราะบริเวณนี้จะมีแชมพูไหลมารวมกันมากที่สุด จากนั้นจึงล้างให้ทั่วศีรษะ ที่สำคัญคือควรล้างสวนทางกับทิศที่เส้นผมขึ้น และต้องล้างให้หมดจด เพราะถ้ามีคราบตกค้างอยู่ก็จะไม่ดีต่อเส้นผมและหนังศีรษะ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ คัน ลอกเป็นขุยและผมหลุดร่วง ควรใช้เวลากับการล้างออกนานกว่าตอนสระผม 2 เท่า
   5. เป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็น (ภายใน 5 นาทีหลังสระเสร็จ)
      ควรเป่าผมให้แห้งภายใน 5 นาทีหลังอาบเสร็จ หากปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้หรือพันผ้าไว้ หรือรอให้ผมแห้งไปเอง จะทำให้เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียจะเติบโตบนหนังศีรษะจนทำให้หนังศีรษะอักเสบกลายเป็นจ้ำ ๆ แดงทั่วทั้งหนังศีรษะ หรือเกิดอาการแพ้ คัน และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแคและผมร่วงอีกด้วยการลดผมร่วงไม่ยากเลยใช่ไหมคะ แค่บำรุงและดูแลอย่างถูกวิธี แล้วอย่าลืมนำเคล็ดลับที่เอามาฝากไปลองใช้กันด้วยนะคะ ใครลองแล้วได้ผลยังไงอย่าลืมมาบอกกันด้วยนะคะ